ข่าวเผยแพร่

ทุกอย่างจะมีทางออก

เหตุใดจึงกล่าวว่า ทุกอย่างจะมีทางออก

โดยเจ้าหน้าที่ LDS.org Blog 2 พฤษภาคม 2017

สงคราม ข่าวลือเรื่องสงคราม ความอยุติธรรม ความเกลียดชัง ความยากจน ความยุ่งยากในครอบครัวเรา ศีลธรรมเบี่ยงเบนในสังคม เป็นความรู้สึกมืดมนตลอดกาลปัจจุบัน

ในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างให้น่าหวาดหวั่น ซึ่งดูเหมือนว่าจะมืดสนิทลงทุกทีและทวีความซับซ้อนขึ้นทุกวัน ในขณะที่เราไม่ควรลดความสำคัญของปัญหาและความซับซ้อนในยุคสมัยของเรา เราก็ไม่ควรยอมให้สิ่งเหล่านี้มาทำให้เรานิ่งงันด้วยความหวาดหวั่นเช่นกัน  บางอย่างเราควบคุมได้ บางอย่างเราควบคุมไม่ได้    แต่เรามียาถอนพิษความหวาดกลัว ยาดังกล่าวเรียกร้องให้เราเลือกยืนอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าทุกวัน

จงมองโลกในแง่ดี

      

ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ อดีตประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เป็นที่ทราบกันดีว่า ท่านเป็นคนมองโลกในแง่ดี  คำสอนที่น่าจดจำที่สุดของท่านขณะปฏิบัติศาสนกิจคือท่านเชื่อว่าเราต้อง “หยุดแสวงหาพายุร้ายและอิ่มเอมใจกับแสงตะวันให้มากขึ้น”

บุรุษท่านนี้ผ่านมาแล้วทั้งภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ สงครามโลกสองครั้ง สงครามเวียดนาม ความวุ่นวายทางการเมือง เหตุการณ์ 11 กันยายน และอื่นๆ อีกมาก เราสามารถเรียนรู้บางสิ่งจากการมองโลกในแง่ดีของท่านและจากที่มาของสิ่งนั้น

“ข้าพเจ้าเห็นโลกนี้มามาก ข้าพเจ้าเคยอยู่ในหลายพื้นที่ซึ่งสงครามปะทุขึ้นอย่างรุนแรงและความเกลียดชังคุกรุ่นในใจคน เห็นความยากจนอย่างน่าใจหายครอบคลุมพื้นที่หลายภูมิภาค . . . ข้าพเจ้าเฝ้ามองและรับรู้สัญญาณเตือนเมื่อเห็นศีลธรรมที่กำลังเสื่อมโทรมของสังคมเรา

 

     “กระนั้นข้าพเจ้ายังมองโลกในแง่ดี  ข้าพเจ้ามีศรัทธาแรงกล้าและเรียบง่ายว่าความถูกต้องจะมีชัยชนะและความจริงจะอยู่เหนือทุกสิ่ง”

การมองโลกในแง่ดีเป็นได้มากกว่าเจตคติในทางบวกเท่านั้น  คือเป็นได้เหมือนประธานฮิงค์ลีย์—มีสง่าราศีอันทรงพลังจากตัวตนที่แท้จริง หยั่งรากลึกในศรัทธาอันมั่นคงและความวางใจในพระผู้เป็นเจ้า

เรื่องราวอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด  ทุกอย่างมีทางออก อย่ากังวลเลย  ข้าพเจ้าบอกตนเองทุกเช้า” ประธานฮิงค์ลีย์สอน “ถ้าท่านทำสุดความสามารถ ทุกอย่างจะมีทางออก  จงวางใจพระผู้เป็นเจ้า และมุ่งไปข้างหน้าด้วยศรัทธาและความมั่นใจในอนาคต  พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งเรา”

ลงมือทำก่อนด้วยศรัทธา

เราไม่อาจเห็นอนาคต  นั่นคือเหตุผลที่เราหวาดหวั่นพรั่นพรึงกับสิ่งที่เราไม่รู้ บางครั้งการยึดติดกับสิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เรารู้สึกสบายใจ สิ่งที่เราเห็น ทำให้รู้สึกเหมือนมีเดิมพันชีวิตที่ปลอดภัยที่สุด แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์จะให้เราเติบโต บางครั้งชีวิตเรียกร้องให้เรามีศรัทธาแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ต้องเอาชนะความกลัวของเรา

        

“มนุษย์ปุถุชนทั้งชายหญิงกล่าวว่า ไม่มีทางที่ฉันจะจัดการกับเรื่องนี้  ไม่มีทางที่ฉันจะเข้าไปสู่ความมืดจนแสงสว่างส่องมาฉันจึงมองเห็นว่าฉันจะไปไหน” เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์สอน  แต่ข้อกำหนดสำหรับศรัทธาคือเราต้องลงมือทำก่อน

“ส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่า ‘ขออำนาจให้ฉันก่อน แล้วฉันจะลงมือทำ’” เอ็ลเดอร์เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าว “แต่พระกิตติคุณของพระผู้ช่วยให้รอดสอนให้เราลงมือทำก่อนจึงจะได้อำนาจ  เราไม่รู้ว่าจะไปทางไหน  เราไม่รู้ว่าจะทำอะไร  แต่ความวางใจพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าลงมือทำได้”

ขณะลงมือทำ พระเยซูคริสต์ทรงอวยพรเราด้วยเดชานุภาพของพระองค์  ศรัทธาที่เรามีต่อพระองค์เติบโต ความมั่นใจเพิ่มขึ้น เราจะควบคุมสภาวการณ์ที่ยากที่สุดในชีวิตได้โดยรู้ว่าเราจะไม่มีวันโดดเดี่ยวและเราจะได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์ตลอดเวลา

พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงต้องการให้เราล้มเหลว  เนื่องจากพระเยซูคริสต์ ไม่มีความล้มเหลวในบั้นปลาย  ไม่มีความหวาดหวั่นในชีวิตมรรตัยนี้ต้องทำให้เรานิ่งงัน  ศรัทธาสามารถเอาชนะความกลัว  และถ้าเราวางใจเช่นนั้น เราจะก้าวไปข้างหน้าโดยที่รู้ว่าในบั้นปลาย “ทุกอย่างจะมีทางออก”

       
     

หมายเหตุแนวทางการเขียน:เมื่อรายงานเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย โปรดใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรในการอ้างถึงครั้งแรก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชื่อของศาสนจักร ไปที่ออนไลน์แนวทางการเขียน.