หัวข้อ

ประธานศาสนจักร

ตั้งแต่สถาปนาศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในปี ค.ศ. 1830 ชาย 16 คนรับใช้เป็นประธานศาสนจักรมาแล้ว วิสุทธิชนยุคสุดท้ายถือว่าแต่ละท่านเหล่านี้เป็นศาสดาพยากรณ์ผู้ได้รับการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ละท่านมีพรสวรรค์และของประทานพิเศษที่ช่วยให้ศาสนจักรเจริญก้าวหน้าในช่วงเวลานั้นและเตรียมรับการเติบโตในอนาคต

ประธานศาสนจักรคนแรก คือโจเซฟ สมิธ ได้รับสิทธิอำนาจให้นำศาสนจักรจากยอห์นผู้ถวายบัพติศมาและจากอัครสาวกสามคนของพระคริสต์คือ เปโตร ยากอบ และยอห์นผู้ได้รับ “พลังอำนาจและสิทธิอำนาจ” จากพระเยซูคริสต์พระองค์เอง (ลูกา 9:1) ชายเหล่านี้ปรากฏในลักษณะของเทพและประสาทฐานะปุโรหิตแก่โจเซฟ สมิธ ฐานะปุโรหิตเดียวกันนี้สืบทอดต่อกันมาในสายโซ่ที่ไม่ขาดช่วงจนถึงโธมัส เอส. มอนสันประธานศาสนจักรคนปัจจุบัน

ต่อไปนี้เป็นชีวประวัติพอสังเขปของประธานศาสนจักรแต่ละท่าน

{nb}



{nb}

{nb}โจเซฟ สมิธ


{nb}วันเดือนปีเกิด: 23 ธันวาคม ค.ศ. 1805
{nb}วันถึงแก่กรรม: 27 มิถุนายน ค.ศ. 1844

{nb}เกิดวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1805 ในเมืองชารอน รัฐเวอร์มอนต์ โจเซฟ สมิธจูเนียร์เป็น{nb}
{nb}บุตรคนที่ห้าในจำนวนบุตร 11 คนของโจเซฟ สมิธและลูซี แม็ค ท่านทำงานที่ไร่ของครอบครัว
{nb}ในรัฐเวอร์มอนต์และต่อมาไปทำงานทางตะวันตกของนิวยอร์ก ในปี 1820 ที่เมืองพอลไมรา นิวยอร์ก
{nb}โจเซฟ สมิธเห็น พระผู้เป็นเจ้าพระบิดา และ พระเยซูคริสต์ในนิมิต โดยผ่านการเปิดเผยท่านแปลและจัดพิมพ์ พระคัมภีร์มอรมอน จัดตั้งศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 และได้รับการเปิดเผยเพื่อนำทางศาสนจักร ภายใต้การนำของท่าน วิสุทธิชนยุคสุดท้ายก่อตั้งชุมชนต่างๆ ในรัฐโอไฮโอ รัฐมิสซูรี และรัฐอิลลินอยส์ โจเซฟ สมิธกับไฮรัมพี่ชายท่านถูกกลุ่มคนร้ายสังหารเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1844 ที่คาร์เทจ รัฐอิลลินอยส์

คลิกที่นี่ เพื่ออ่านชีวประวัติโดยละเอียดของโจเซฟ สมิธ

{nb}

{nb}บริคัม ยังก์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1847–1877
{nb}วันเดือนปีเกิด: 1 มิถุนายน ค.ศ. 1801
{nb}วันถึงแก่กรรม: 29 สิงหาคม ค.ศ. 1877

{nb}บริคัม ยังก์เกิดวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1801 ในเมืองไวทิงก์แฮม รัฐเวอร์มอนต์ ในปี 1835
{nb}สามปีหลังจากเข้าร่วมศาสนจักร ท่านได้รับเรียกสู่โควรัม
{nb}อัครสาวกสิบสอง
ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งต่อจากโจเซฟ สมิธ ท่านนำการอพยพสู่ตะวันตกในปี ค.ศ. 1846–1847 ไปเทือกเขาร็อกกีและก่อตั้งซอลท์เลคซิตี้ ท่านได้รับการสนับสนุนให้เป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1847 ในฐานะประธานศาสนจักรและผู้ว่าการแคว้นยูทาห์ ท่านตั้งถิ่นฐานวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในยูทาห์และทั่วตะวันตกของอเมริกา ภายใต้การกำกับดูแลของท่าน ศาสนจักรเริ่มก่อสร้างพระวิหาร ในซอลท์เลคซิตี้ เซนต์จอร์จ และโลแกน รัฐยูทาห์ ท่านนำโทรเลขและทางรถไฟมาสู่ยูทาห์และส่งเสริมอุตสาหกรรมแบบสหกรณ์ในหมู่วิสุทธิชนยุคสุดท้าย ท่านถึงแก่กรรมวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1877 ในซอลท์เลคซิตี้หลังจากเป็นประธานศาสนจักรเกือบ 30 ปี

คลิกที่นี่เพื่ออ่านชีวประวัติโดยละเอียดของบริคัม ยังก์

{nb}

{nb}จอห์น เทย์เลอร์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1880–1887
{nb}วันเดือนปีเกิด: 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1808
{nb}วันถึงแก่กรรม: 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1887

{nb}จอห์น เทย์เลอร์เกิดวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1808 ในมิลน์ธอร์พ เวสต์มอร์แลนด์ อังกฤษ ท่านอพยพไปโทรอนโต แคนาดาในปี ค.ศ. 1832 ท่านเป็นช่างทำถังไม้และบาทหลวงนอกเวลาของนิกายเมโธดิสต์ ท่านกับลีโอโนราภรรยาเข้าร่วมศาสนจักรในปี ค.ศ. 1836 สองปีต่อมาท่านเป็น{nb}อัครสาวกและมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับโจเซฟ สมิธและบริคัม ยังก์ จอห์น เทย์เลอร์ติดตามโจเซฟ สมิธไปเมืองคาร์เทจ รัฐอิลลินอยส์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1844 ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสคราวโจเซฟ สมิธถูกสังหาร ท่านได้รับการสนับสนุนเป็นประธานศาสนจักรวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1880 ในช่วงประธานเทย์เลอร์บริหารงาน ท่านตั้งนิคมมอรมอนในไวโอมิง โคโลราโด แอริโซนา แคนาดา และเม็กซิโก ควบคุมดูแลการใช้โปรแกรมปฐมวัยทั่วโลกสำหรับเด็ก และประกาศไข่มุกอันล้ำค่าเป็นพระคัมภีร์ ท่านถึงแก่กรรมวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1887 ในเมืองเคย์สวิลล์ รัฐยูทาห์

{nb}

{nb}วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1887–1898
{nb}วันเดือนปีเกิด: 1 มีนาคม ค.ศ. 1807
{nb}วันถึงแก่กรรม: 2 กันยายน ค.ศ. 1898

เกิดวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1807 และเติบโตในรัฐคอนเนตทิคัต วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์{nb}มีอาชีพเป็นเจ้าของโรงสี ท่านเข้าร่วมศาสนจักรในปี ค.ศ. 1833 และรับใช้งานเผยแผ่สองครั้งก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นอัครสาวกในปี ค.ศ. 1839 ในฐานะสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองท่านทำงานเผยแผ่อีกสี่ครั้ง เป็นประธานพระวิหารในเซนต์จอร์จ ยูทาห์ และรับใช้เป็นนักประวัติศาสตร์ศาสนจักรหกปี ท่านได้รับการสนับสนุนเป็นประธานศาสนจักรวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1889 ในช่วงที่ท่านบริหารงาน ท่านอุทิศพระวิหารในซอลท์เลคซิตี้ และแมนไท ยูทาห์ ควบคุมดูแลการจัดตั้งสมาคมลำดับการสืบเชื้อสาย และเน้นย้ำคุณค่าของการเก็บบันทึกทางประวัติศาสตร์ คริสต์ศักราช 1890 หลังจากไตร่ตรองและสวดอ้อนวอนมาก ประธานวูดรัฟฟ์ได้รับการเปิดเผยว่าวิสุทธิชนยุคสุดท้ายควรยุติการปฏิบัติพหุสมรส ท่านถึงแก่กรรมในแซนแฟรนซิสโกวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1898

{nb}

{nb}ลอเรนโซ สโนว์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1898–1901
{nb}วันเดือนปีเกิด: 3 เมษายน ค.ศ. 1814
{nb}วันถึงแก่กรรม: 10 ตุลาคม ค.ศ. 1901

{nb}ลอเรนโซ สโนว์เกิดวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1814 ในเมืองมันตัว รัฐโอไฮโอ สมัยหนุ่มท่าน{nb}ชอบศึกษาด้านวิชาการมากกว่าเป็นเด็กฝึกงาน ท่านศึกษาภาษาฮีบรูและ{nb}ศาสนศาสตร์ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนใจเลื่อมใสศาสนจักรในปี 1836 ท่านรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาและอัครสาวกก่อนเป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1898 ท่านช่วยให้ศาสนจักรฟื้นตัวหลังจากประสบปัญหามาหลายทศวรรษ ท่านขยายงานเผยแผ่ศาสนาและสร้างเสถียรภาพทางการเงินของศาสนจักรโดยกระตุ้นให้มีการจ่ายส่วนสิบ ในฐานะประธานศาสนจักรต้นศตวรรษที่ 20 ท่านเปิดศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์วิสุทธิชนยุคสุดท้าย ท่านถึงแก่กรรมในซอลท์เลคซิตี้วันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1901 ขณะอายุ 87 ปี

{nb}

{nb}โจเซฟ เอฟ. สมิธ

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1901–1918
{nb}วันเดือนปีเกิด: 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1838
{nb}วันถึงแก่กรรม: 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918

โจเซฟ เอฟ. สมิธเกิดวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1838 ในเมืองฟาร์เวสต์ รัฐมิสซูรี คริสต์ศักราช 1844 ไฮรัม สมิธบิดาท่านเสียชีวิตเป็นมรณสักขีพร้อมโจเซฟ สมิธอาของท่าน เด็กชายโจเซฟ เอฟ. สมิธช่วยแมรีย์ ฟิลดิงก์ สมิธซึ่งเป็นมารดาอพยพไปยูทาห์ในปี 1848 ท่านรับราชการในสถาบันนิติบัญญัติของเขตปกครองพิเศษยูทาห์ตั้งแต่ ค.ศ. 1865 ถึง ค.ศ. 1874 รับใช้งานเผยแผ่หลายครั้งและเป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1901 ขณะนำศาสนจักรเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 โจเซฟ เอฟ. สมิธทำให้วิสุทธิชนยุคสุดท้ายเห็นคุณค่าประวัติศาสตร์ศาสนจักรในสมัยเริ่มแรกมากขึ้น ท่านทำงานเพื่อให้สาธารณชนมีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับศาสนจักรโดยพัฒนาสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของศาสนจักรในนิวยอร์ก มิสซูรี และอิลลินอยส์ สร้างสำนักงานนักท่องเที่ยว ขยายระบบผู้สอนศาสนา และ การศึกษาของศาสนจักร หลังจากเป็นประธานศาสนจักร 17 ปี โจเซฟ เอฟ. สมิธถึงแก่กรรมวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ในซอลท์เลคซิตี้

{nb}

{nb}ฮีเบอร์ เจ. แกรนท์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1918–1945{nb}
{nb}วันเดือนปีเกิด: 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1856
{nb}วันถึงแก่กรรม: 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1945

{nb}ฮีเบอร์ เจดดีย์ แกรนท์ เกิดวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1856 ในซอลท์เลคซิตี้ ได้รับการเลี้ยงดูจากราเชล แกรนท์มารดาม่ายของท่าน เมื่ออายุ 15 ปีท่านเริ่มประสบความสำเร็จในอาชีพธุรกิจ สิบปีต่อมาท่านได้รับเรียกสู่โควรัมอัครสาวกสิบสองที่ท่านรับใช้นาน 37 ปี หลังจากเป็นประธานศาสนจักรวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ท่านอุทิศพระวิหารใหม่สามแห่ง พัฒนาโปรแกรมสวัสดิการ และช่วยวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเผชิญกับความโศกสลดของสงครามโลกครั้งที่สอง ประสบการณ์ด้านธุรกิจของท่านทำให้ท่านสามารถปฏิรูปองค์การและระเบียบปฏิบัติต่างๆ ของศาสนจักรให้เหมาะกับสมัยปัจจุบัน การพยายามทำงานเผยแผ่ศาสนาของท่าน รวมไปถึงความผูกพันและมิตรภาพที่กล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวางกับผู้นำธุรกิจระดับประเทศ ทำให้ศาสนจักรกลายเป็นความสนใจของคนในชาติ หลังจากเป็นประธาน 27 ปี ฮีเบอร์ เจ. แกรนท์ถึงแก่กรรมในซอลท์เลคซิตี้วันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1945

{nb}

{nb}จอร์จ อัลเบิร์ต สมิธ

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1945–1951
{nb}วันเดือนปีเกิด: 4 เมษายน ค.ศ. 1870
{nb}วันถึงแก่กรรม: 4 เมษายน ค.ศ. 1951

{nb}จอร์จ อัลเบิร์ต สมิธเกิดวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1870 ในซอลท์เลคซิตี้ จอห์น เฮนรีย์ สมิธ บิดาท่าน และจอร์จ เอ. สมิธ คุณปู่ของท่านเคยเป็นปรึกษาของประธานศาสนจักรมาแล้วทั้งคู่ ขณะทำงานในสำนักงานที่ดินสหพันธรัฐยูทาห์ ท่านได้รับเรียกสู่โควรัมอัครสาวกสิบสอง ขณะอายุ 33 ปี ทั้งที่สุขภาพอ่อนแอและมีปัญหาทางสายตา แต่ท่านยังมีงานอาชีพที่โดดเด่นในฐานะผู้นำศาสนจักร ท่านเป็นประธานศาสนจักรวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 ท่านจัดระบบความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม{nb}ในวงกว้างของศาสนจักรไปสู่ยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่สองและสนับสนุนการลูกเสือในบรรดาวิสุทธิชนยุคสุดท้าย หลังจากเป็นประธานหกปี จอร์จ อัลเบิร์ต สมิธถึงแก่กรรมในซอลท์เลคซิตี้วันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1951 ตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่ 81 ของท่าน

{nb}

{nb}เดวิด โอ. แมคเคย์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1951–1970
{nb}วันเดือนปีเกิด: 8 กันยายน ค.ศ. 1873
{nb}วันถึงแก่กรรม: 18 มกราคม ค.ศ. 1970

{nb}เดวิด โอมาน แมคเคย์ เกิดวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1873 ชีวิตวัยเยาว์ของท่านอยู่ที่เมืองฮันต์สวิลล์ รัฐยูทาห์ ท่านศึกษาที่สถาบันการศึกษาวีเบอร์สเตคและมหาวิทยาลัยยูทาห์เพื่อเตรียมประกอบอาชีพด้านการศึกษา หลังจากสำเร็จการศึกษาและงานเผยแผ่ ท่านแต่งงานกับเอ็มมา เรย์ ริกส์ คู่รักสมัยเรียนวิทยาลัยในปี ค.ศ. 1901 ห้าปีต่อมาขณะอายุ 32 ปี ท่านได้รับเรียกเป็นอัครสาวกและมาเป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1951 ท่านขยายวิสัยทัศน์งานเผยแผ่ทั่วโลกของศาสนจักร และภายใต้การบริหารงานของท่าน ศาสนจักรจัดตั้งสเตคแรกนอกสหรัฐ ท่านทำให้สมาชิกศาสนจักรเข้มเข็งด้วยการเน้นย้ำคุณค่าของชีวิตครอบครัว และการศึกษา หลังจากอยู่ในโควรัมอัครสาวกสิบสอง 44 ปีและเป็นประธานศาสนจักร 19 ปี เดวิด โอ. แมคเคย์ถึงแก่กรรมวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1970 ในซอลท์เลคซิตี้ขณะอายุ 96 ปี

{nb}

{nb}โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1970–1972
{nb}วันเดือนปีเกิด: 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1876
{nb}วันถึงแก่กรรม: 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1972

{nb}โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ บุตรชายโจเซฟ เอฟ. สมิธเกิดเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1876 ในซอลท์เลคซิตี้และรับใช้ศาสนจักรมาตลอดชีวิต ช่วงเวลาประมาณสามส่วนสี่ของศตวรรษ ท่านเป็นผู้สอนศาสนา นักประวัติศาสตร์ศาสนจักร ประธานสมาคมลำดับการสืบเชื้อสายยูทาห์ ประธานพระวิหารซอลท์เลค อัครสาวก และประธานศาสนจักร ท่านเป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1970 ขณะอายุ 93 ปี ในฐานะนักเขียนที่มีผลงานมากที่สุดคนหนึ่งของศาสนจักร บทความและหนังสือหลายเล่มของโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธช่วยให้ความรู้แก่วิสุทธิชนยุคสุดท้ายหลายรุ่นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และหลักคำสอนของศาสนจักร ภายใต้การบริหารงานของท่าน งายเผยแผ่ศาสนาเติบโตอย่างต่อเนื่อง พระวิหารออกเด็นและโพรโวได้รับการอุทิศ และรวบรวมนิตยสารศาสนจักรเข้าด้วยกัน ประธานสมิธถึงแก่กรรมที่บ้านในซอลท์เลคซิตี้วันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1972

{nb}

{nb}ฮาโรลด์ บี. ลี

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1972–1973
{nb}วันเดือนปีเกิด: 28 มีนาคม ค.ศ. 1899
{nb}วันถึงแก่กรรม: 26 ธันวาคม ค.ศ. 1973

{nb}ฮาโรลด์ บิงก์แฮม ลี เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1899 ในเมืองคลิฟตัน รัฐไอดาโฮ ทำงานด้านการศึกษา ธุรกิจ และการปกครอง ในฐานะประธานสเตคช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ท่านริเริ่มโปรแกรมการพึ่งพาตนเองและการบรรเทาทุกข์ที่เติบโตเป็นระบบสวัสดิการของศาสนจักร หลังจากการเรียกสู่โควรัมอัครสาวกสิบสองในปี 1941 ท่านยังคงทำงานกับโปรแกรมสวัสดิการและริเริ่มการเปลี่ยนแปลงระบบเพื่อปรับปรุงการประสานงานระหว่างสำนักงานใหญ่ศาสนจักรกับกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุมวิสุทธิชนยุคสุดท้ายทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ช่วยศาสนจักรเตรียมรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายทศวรรษต่อมา ท่านเป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 ท่านเดินทางบ่อยครั้งในช่วงดำรงตำแหน่ง ซึ่งกินเวลาเพียง 18 เดือน ประธานลีถึงแก่กรรมวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1973 ในซอลท์เลคซิตี้

{nb}

{nb}สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1973–1985
{nb}วันเดือนปีเกิด: 28 มีนาคม ค.ศ. 1895
{nb}วันถึงแก่กรรม: 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1985

{nb}สเป็นเซอร์ วูลีย์ คิมบัลล์ เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1895 ในซอลท์เลคซิตี้ เติบโตในเมืองแธทเชอร์ รัฐแอริโซนา หลังจากจบงานเผยแผ่และแต่งงานกับคามิลลา อายริงก์ ท่านตั้งรกรากในเมืองแซฟฟอร์ด รัฐแอริโซนาเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวและดำเนินธุรกิจประกันภัย ท่านได้รับเรียกเป็นอัครสาวก ในปี 1943 และหลังจากเอาชนะปัญหาสุขภาพร้ายแรง ท่านจึงได้เป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 1973 ขณะอายุ 78 ปี ท่านนำศาสนจักรด้วยความมุ่งมั่นกระตือรือร้นในช่วงของความรุ่งเรืองและการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ใน 12 ปีของการเป็นประธาน จำนวนพระวิหารที่เปิดดำเนินการเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จำนวนผู้สอนศาสนาเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์และขยายฐานะปุโรหิตไปยังสมาชิกชายทุกคนที่มีค่าควร ท่านถึงแก่กรรมในซอลท์เลคซิตี้วันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1985

{nb}

{nb}เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1985–1994
{nb}วันเดือนปีเกิด: 4 สิงหาคม ค.ศ. 1899
{nb}วันถึงแก่กรรม: 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1994

{nb}เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน เกิดวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1899 ในเมืองวิทนีย์ รัฐไอดาโฮ เรียนรู้หลักการทำงานด้วยความขยันขันแข็งที่บ้านไร่ของครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย ท่านรับใช้งานเผยแผ่ในเกรตบริเตน และหลังจากกลับมา ท่านแต่งงานกับฟลอรา อามุสเซ็นในปี 1926 ขณะรับใช้เป็นอัครสาวก ท่านรับใช้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรในคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีไวท์ ดี. ไอเซนฮาวร์ตั้งแต่ ค.ศ. 1953 ถึง ค.ศ. 1961 ท่านเป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1985 ท่านเน้นความสำคัญของพระคัมภีร์มอรมอนในการศึกษาพระคัมภีร์ประจำวัน งานเผยแผ่ศาสนา และการสอนพระกิตติคุณ ถึงแม้จะมีปัญหาด้านสุขภาพ แต่ศาสนจักรยังคงเติบโตภายใต้การบริหารงานของท่าน พระวิหารได้รับการอุทิศ และงานเผยแผ่ศาสนาขยายไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปตะวันออก ท่านถึงแก่กรรมในซอลท์เลคซิตี้วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 ขณะอายุ 94 ปี

{nb}

{nb}ฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1994–1995
{nb}วันเดือนปีเกิด: 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1907
{nb}วันถึงแก่กรรม: 3 มีนาคม ค.ศ. 1995

{nb}ฮาร์เวิร์ด วิลเลียม ฮันเตอร์ เกิดวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1907 ในเมืองบอยซี รัฐไอดาโฮ ท่านรักดนตรีตั้งแต่วัยเยาว์ หลังจากจบมัธยมปลาย วง “Hunter’s Croonaders” ของท่านเปิดการแสดงในเรือ SS President Jackson นานถึงห้าเดือน ซึ่งเปิดโอกาสให้ท่านได้เห็นสถานที่แปลกใหม่มากมายในเอเชีย เมื่อแต่งงานกับคลารา เมย์ เจฟส์ในปี 1931 ท่านเลิกอาชีพดนตรีเพื่อเห็นแก่ชีวิตครอบครัวที่มั่นคง ประธานฮันเตอร์เริ่มศึกษากฎหมายและกลายเป็นทนายความที่ประสบความสำเร็จในแคลิฟอร์เนีย ท่านได้รับเรียกเป็นอัครสาวกเมื่อปี ค.ศ. 1959 โดยรับใช้ 35 ปีก่อนเป็นประธานศาสนจักรในวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1994 ขณะอายุ 86 ปี ในการเป็นประธานช่วงสั้นๆ ของท่าน ท่านกระตุ้นสมาชิกศาสนจักรให้มีค่าควรเข้า พระวิหารโดยเตรียมรับทศวรรษของการสร้างพระวิหารเพิ่มขึ้น ท่านเดินทางบ่อยครั้งเท่าที่สุขภาพจะเอื้ออำนวย โดยอุทิศพระวิหารสองแห่งและฉลองครบรอบ 150 ปีมรณสักขีของโจเซฟและไฮรัม สมิธ ท่านถึงแก่กรรมวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1995 ในซอลท์เลคซิตี้

{nb}

{nb}กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 1995–2008
{nb}วันเดือนปีเกิด: 23 มิถุนายน ค.ศ. 1910
{nb}วันถึงแก่กรรม: 27 มกราคม ค.ศ. 2008

{nb}กอร์ดอน บิทเนอร์ ฮิงค์ลีย์ เกิดในซอลท์เลคซิตี้ รัฐยูทาห์ วันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1910 หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ ท่านได้รับเรียกให้รับใช้งานเผยแผ่ในเกรตบริเตน เมื่อกลับจากงานเผยแผ่ ท่านจึงเริ่มรับใช้ศาสนจักรมาตลอดชีวิตของท่าน ท่านได้รับว่าจ้างเป็นเลขาธิการของคณะกรรมการวรรณกรรม การประชาสัมพันธ์ และวิทยุศาสนจักรก่อนได้รับเรียกเป็นอัครสาวกในปี 1961 ท่านรับใช้เป็นที่ปรึกษาของประธานคิมบัลล์ ประธานเบ็นสัน และประธานฮันเตอร์ก่อนเป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1995 ในช่วงที่ท่านบริหารงาน ท่านกำกับดูแลโปรแกรมการสร้าง พระวิหารอย่างเอาจริงเอาจังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของศาสนจักรและจัดตั้งกองทุนต่อเนื่องเพื่อการศึกษาเพื่อช่วยหนุ่มสาวชาวมอรมอนในประเทศกำลังพัฒนาให้ได้รับการศึกษาและพึ่งพาตนเองได้ นอกจากนี้ท่านยังเดินทางไปทั่วโลกเพื่อประชุมกับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายและกระตุ้นพวกเขาให้ผูกมิตรผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสใหม่และเป็นมิตรกับสมาชิกที่นับถือศาสนาอื่น ท่านเพิ่มความสนใจจากสื่อและปรับปรุงภาพลักษณ์ทั่วไปของศาสนจักรผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ในประเทศ ประธานฮิงค์ลีย์ถึงแก่กรรมวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2008 ในซอลท์เลคซิตี้

{nb}

{nb}โธมัส เอส. มอนสัน

{nb}ช่วงที่เป็นประธาน: ค.ศ. 2008–ปัจจุบัน
{nb}วันเดือนปีเกิด: 21 สิงหาคม ค.ศ. 1927

{nb}โธมัส สเป็นเซอร์ มอนสันเกิดในซอลท์เลคซิตี้ รัฐยูทาห์ วันที่ 21 สิงหาคม
{nb}ค.ศ. 1927 ท่านรับใช้ในกองทัพเรือสหรัฐเมื่อใกล้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ใน
{nb}คริสต์ศักราช 1950 ขณะอายุ 22 ปี ท่านได้รับเรียกเป็นอธิการและห้าปีต่อมาได้รับเรียกให้
{nb}รับใช้ในฝ่ายประธานสเตค ตั้งแต่ ค.ศ. 1959 ถึง 1962 ท่านรับใช้เป็นประธาน
{nb}คณะเผยแผ่แคนาเดียนของศาสนจักร สำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองโทรอนโต รัฐออนแทรีโอ ไม่นานหลังกลับจากแคนาดา ขณะอายุ 36 ปี ท่านได้รับการสนับสนุนสู่โควรัมอัครสาวกสิบสอง ในปี ค.ศ. 1963 ท่านรับใช้เป็นที่ปรึกษาของประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน ประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์ และประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ก่อนเป็นประธานศาสนจักรเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008

คลิกที่นี่เพื่อดูชีวประวัติโดยละเอียดของประธานมอนสัน

หมายเหตุแนวทางการเขียน:เมื่อรายงานเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย โปรดใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรในการอ้างถึงครั้งแรก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชื่อของศาสนจักร ไปที่ออนไลน์แนวทางการเขียน.