ข่าวเผยแพร่

ผู้นำมอรมอนได้รับรางวัลเวิร์ลด์พีซไพรซ์ (รางวัลสันติภาพโลก) ที่อินเดีย

ดัดแปลงจากบทความโดย แทด วอลช์, เดเซเร็ทนิวส์

ฝูงม้าสีขาวเดินนำขบวนแห่เพื่อเป็นเกียรติแก่เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน ผู้เดินบนพรมเขียวที่ถนนด้านนอกเวิร์ลด์พีซเซ็นเตอร์ในปูเน่ อินเดีย ท่ามกลางเสียงปี่อินเดียและเสียงฉาบก้องกังวาน

“มิตรสหายทั้งหลาย สันติภาพเป็นเป้าหมายร่วมกันของเรา” เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันกล่าว ท่านเป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย “สันติภาพระหว่างประเทศ สันติภาพภายในชุมชน และท้ายที่สุด สันติสุขสำหรับเราแต่ละคน”

ไมเคิล โนเบล เหลนชายของผู้ก่อตั้งรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลครั้งนี้กับคณะกรรมการเวิร์ลด์พีซไพรซ์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเวิร์ลด์พีซ ขณะที่พวกเขามอบรางวัลซึ่งตั้งชื่อตามนักบุญชรี ดียาเนชวารา นักปรัชญาชาวฮินดูผู้เป็นที่เคารพในศตวรรษที่ 13

“โลกทุกวันนี้พร้อมกับปัญหาทั้งหมดในนั้นต้องการท่าน ศาสนจักรของท่านและงานของท่าน” โนเบลกล่าว “โลกต้องการท่านมากกว่าที่เคยเป็นมา ขอบคุณครับ เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สัน และขอขอบคุณด้วยความจริงใจต่อองค์กรของท่านที่ดำเนินงานของท่านต่อไป”

วิชวนาธ การาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเวิร์ลด์พีซกล่าวว่ารางวัลนึ้เป็นการยกย่อง “พันธกิจแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการเสียสละที่ไม่หยุดหย่อน” ของเอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สัน เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันเป็นคนที่เก้าที่ได้รับรางวัลเวิร์ลด์พีซไพรซ์

โนเบล ผู้ร่วมก่อตั้ง Nobel Charitable Trust (บริษัทเงินทุนเพื่อการกุศลโนเบล) กล่าวแสดงความขอบคุณที่ให้ยืมชื่อของท่านเพื่อเป็นเกียรติแก่เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สัน

“มีรางวัลอันทรงเกียรติอีกหลายรางวัล หนึ่งในนั้นคือรางวัลเวิร์ลด์พีซไพรซ์ ซึ่งนับว่าเป็นรางวัลสันติภาพที่สำคัญที่สุดในประเทศนี้” ท่านกล่าว

การาดกล่าวว่าคณะกรรมการเวิร์ลด์พีซไพรซ์เลือกยกย่องเอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันสำหรับ “พันธกิจอันสูงส่งของการเผยแพร่ข่าวสารแห่งสันติภาพและความสมานฉันท์ทั่วโลก”

เอ็ลเดอร์โรเบิร์ท คูมาร์ วิลเลียม สาวกเจ็ดสิบภาคของแอลดีเอสจากบังกาลอร์ อินเดียกล่าวว่า “เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันได้ไปเยี่ยมและทำงานร่วมกับสมาชิกศาสนจักรตลอดจนผู้นำรัฐบาล ผู้นำท้องที่ และผู้นำทางศาสนาใน 80 ประเทศเป็นการส่วนตัว” ตั้งแต่ท่านเริ่มรับใช้เป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่สามัญของศาสนจักรในปี 1993

 

ศาสนจักรมอบเงิน 1.89 พันล้านเหรียญให้หน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลกตั้งแต่ปี 1985

“เหตุใดบุคคลเหล่านี้จึงสมควรได้รับ (รางวัล)” โนเบลกล่าว “สมาชิกศาสนจักรได้แสดงให้เราเห็นว่าการถ่ายทอดสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจของเราหลายคนออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมทั่วโลกอยู่ในวิสัยที่ทำได้ นั่นคือความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ... ศาสนาและองค์กรของมอรมอนสมควรได้รับรางวัลนี้อย่างยิ่งสำหรับผลงานด้านมนุษยธรรมที่โดดเด่น”

“ในฐานะเด็กชายที่เติบโตมาในฟาร์มรีดนมวัว ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะได้นั่งอยู่ที่นี่” ท่านกล่าวระหว่างการแถลงข่าวหลังจากงาน “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่เป็นความจริง ผมปลื้มใจมาก ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่รางวัลสำหรับผมคนเดียว แต่ผมเป็นตัวแทนของผู้คนหลายล้านคนที่ต้องการเป็นพรให้ชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผู้คนที่เชื่อในการเป็นสานุศิษย์ที่ซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์และพยายามหลอมรวมพระอุปนิสัยของพระองค์เข้ามาในชีวิตพวกเขา”

ในสุนทรพจน์ที่ท่านกล่าวตอบ ท่านมุ่งเน้นคุณงามความดีของศาสนาและกระตุ้นผู้นำของโลกรวมทั้งผู้กำหนดนโยบายให้พิจารณาลำดับการวิจัยมากมายที่ท่านสรุปไว้เกี่ยวกับผลเชิงบวกที่ศาสนามีต่อผู้คน ชุมชน เศรษฐกิจและประชาชาติ

“ความล้มเหลวที่จะสำนึกคุณต่อความดีที่ศาสนาทำให้สังคมหรือประเทศชาติโดยรวมและที่จะปรองดองกับศาสนาเมื่ออยู่ในวิสัยที่ทำได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางสังคม” ท่านกล่าว

“เจ้าหน้าที่รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบาย ดังเช่นท่านทั้งหลายที่พยายามสถาปนาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองอันยั่งยืนสำหรับประชาชนทุกศาสนา ควรเข้าใจถึงเหตุผลและวิธี” ท่านกล่าว ... “ศาสนาที่แท้จริงสร้างรากฐานที่มั่นคงให้สังคมที่เที่ยงธรรมและแข็งแรง ศาสนาเสริมสร้างพลังและเกียรติภูมิให้ประชาชาติ ชุมชนและบุคคล ผมหวังว่าเราทุกคนจะสังเกตเห็นและสำนึกคุณต่อความดีเลิศที่ศาสนาทำและทำงานร่วมกัน — ในฐานะผู้คนจากหลายศาสนาหรือไม่มีศาสนา —เพื่อสร้างประชาชาติที่สงบสุขมากขึ้นและสุดท้ายคือโลกที่สงบสุขมากขึ้น”

ท่านอ้างอิงงานวิจัยหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่าศาสนาก่อเกิดชีวิตแต่งงานที่มีความสุข เด็กที่แข็งแรงและประสบความสำเร็จ อุปนิสัยทางศีลธรรมที่หนักแน่น ชุมชนที่ปลอดภัย พลเมืองที่แข็งขันและร่วมมือร่วมใจ

“ประเทศที่มีจารีตประเพณีมั่นคงในด้านเสรีภาพทางศาสนาไม่เพียงมีแนวโน้มที่จะมีเสถียรภาพและปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น แต่จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นด้วย การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้มีข้อสรุปได้อย่างน่าทึ่งว่าการมีเสรีภาพทางศาสนาในประเทศเป็นหนึ่งในสามปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างเห็นได้ชัด ลองพิจารณาดูความแตกต่างที่เกิดขึ้นได้ ลองคิดดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้างหากมีเจ้าหน้าที่และผู้กำหนดนโยบายจำนวนมากขึ้นที่ตระหนักได้ว่าการปกป้องเสรีภาพทางศาสนาเป็นหนึ่งในสามสิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและความผาสุกของประเทศชาติ”

“พวกท่านสอนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ถึงความสำคัญของคุณค่า” เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันกล่าว “ท่านสอนคุณค่าของคุณลักษณะในการศึกษา เราสอนว่าจุดประสงค์ของการศึกษาคือเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะ ผมรู้สึกสบายใจ ผมรู้สึกอบอุ่นมาก”

“อาสาสมัครด้านศาสนาให้ความช่วยเหลือมากมายในพื้นที่ซึ่งตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ความช่วยเหลือที่เปลี่ยนชีวิตได้แก่ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัย หน่วยงานสงเคราะห์และอุปถัมภ์เด็ก การอบรมด้านงานอาชีพและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ความช่วยเหลือในการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต โปรแกรมการรู้หนังสือและการให้ความรู้ การป้องกันอาชญากรรมและพฤติกรรมการใช้สารเสพติด ตัวแทนทางกฎหมาย ความช่วยเหลือต่อเหยื่อและครอบครัวของผู้กระทำผิดทางอาญา และหน่วยงานช่วยเหลือผู้ไร้ที่อยู่อาศัย”

หมายเหตุแนวทางการเขียน:เมื่อรายงานเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย โปรดใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรในการอ้างถึงครั้งแรก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชื่อของศาสนจักร ไปที่ออนไลน์แนวทางการเขียน.