ข่าวเผยแพร่

ฉันรู้สึกถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร

เยาวชนจากทั่วโลกบรรยายช่วงเวลาขณะพวกเขารู้สึกถึงความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อพวกเขา

เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักเราแต่ละคน เราจึงมีประสบการณ์ถึงความรักนั้นในวิธีที่เป็นพิเศษเฉพาะตน—คำตอบที่ไม่คาดคิดต่อคำสวดอ้อนวอน ช่วงเวลาเงียบสงัดในสถานที่สวยงาม พระเมตตาอันละเอียดอ่อนตลอดวันเวลาของเรา และในวิธีอื่นๆ อีกมากมาย ความรักของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเรื่องจริงและมีอยู่รอบๆ เรา หากเราจะนิ่งคิดสักนิด ท่านสามารถเรียนรู้ที่จะตระหนักถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตท่านได้ ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวบางอย่างจากเยาวชนที่รู้สึกถึงความรักของพระองค์

     

พระบิดาบนสวรรค์ทรงรักฉัน

โดย ฮานนาห์ พี.

เมื่อไม่นานมานี้ฉันออกไปเดินเล่น มีบางอย่างเตือนใจให้ฉันนึกถึงความรักอันไม่มีขอบเขตของพระผู้ช่วยให้รอด

ฉันเดินผ่านผู้คนที่โบกมือทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มจนมาถึงสวนสาธารณะที่ฉันชอบมาเล่นชิงช้า ฉันนั่งลงบนม้านั่ง มองดูนกรวบรวมเศษหญ้าไปทำรัง ผีเสื้อบินมาเกาะที่เท้าพลางกระพือปีก ฝ้ายร่วงหล่นจากต้น ใยแมงมุมทอแสงระยิบระยับในแดดจ้า

“พระบิดาบนสวรรค์ทรงรักฉัน” ถ้อยคำนี้ท่วมท้นอยู่ในความคิดคำนึง ฉันนึกทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าและลงเอยด้วยความรู้สึกถึงสิ่งสุดท้ายเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ ความรักอันน่าพิศวง สงบ แน่วแน่ และดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์

ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นของแสงตะวันบนใบหน้า แขน และขาทั้งสองข้าง รู้สึกถึงสายลมโชยแผ่วผ่านผิวหนังและเส้นผม จากนั้นฉันนึกถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง ฉันมีเส้นผม ฉันรู้สึกได้ถึงการสูบฉีดของหัวใจและชีพจรที่เต้นช้าลงเมื่อนั่งพัก

จากนั้นฉันนึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นและสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ฉันนึกภาพตนเองในเวลานี้จนอีกหลายปีข้างหน้ากับผู้คนที่ฉันรักมากที่สุด หัวเราะและเล่นกันในสวนสาธารณะคล้ายกันกับที่นี่ และฉันรู้สึกถึงสิ่งสุดท้ายเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ ความรักอันน่าพิศวง สงบ แน่วแน่ และดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์

ทั้งหมดนั้นล้วนก่อเกิดจาก—ความรัก

วางใจในพระองค์

โดย ทิโมธี เอ. 

เมื่อไม่นานมานี้ขณะที่ฉันคุกเข่าทูลขอความช่วยเหลือและการนำทางจากพระบิดาบนสวรรค์ ฉันพบว่าฉันวางใจและเชื่อมั่นในพระองค์อย่างมาก ฉันรู้ว่าพระองค์ทรงห่วงใยฉัน พลังอำนาจของการสวดอ้อนวอนไม่เพียงเป็นของประทานจากพระบิดาบนสวรรค์เท่านั้น แต่ยังทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากด้วย หากท่านพยายาม

ฉันสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างมากในชีวิตที่เวลานี้ฉันสวดอ้อนวอนมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ฉันชอบทำคือหาสถานที่เงียบสงบเพื่อสวดอ้อนวอนพระบิดาบนสวรรค์และทูลพระองค์ได้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันรู้สึกถึงความรักของพระองค์ผ่านการสวดอ้อนวอน ฉันรู้ว่าพระองค์ทรงประสงค์ให้เราพูดคุยกับพระองค์และระลึกถึงพระองค์ในใจและในความคิดของเราตลอดเวลา

ไม่เขินอายอีกต่อไป

โดย ไรนา เอ็น.

ฉันมักเขินอายจนเป็นนิสัยเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่คุ้นเคย ในช่วงฤดูร้อนก่อนขึ้นปีสอง เพื่อนสนิทของฉันย้ายไปทั้งสองคน ดูราวกับว่าซาตานรู้จุดอ่อนของฉันและทำให้ฉันทุกข์ใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อโรงเรียนเปิดเทอม ฉันมีกลุ่มเพื่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันที่โรงเรียนแต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม ฉันเริ่มไม่มั่นใจกับสถานะของฉันที่โรงเรียน

คืนหนึ่งก่อนเข้านอนขณะที่กำลังอ่านพระคัมภีร์ จู่ๆ ฉันก็เข้าใจได้ว่าพระเจ้าทรงต้องการช่วยให้ฉันมีเพื่อนที่ดี หากฉันมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและศรัทธา พระเจ้าจะทรงช่วยทำให้ความอ่อนแอของฉันกลายเป็นพลัง

 

ไม่สำคัญว่าฉันจะยืนอยู่จุดใดในชนชั้นทางสังคม เพราะพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักฉันอย่างที่ฉันเป็น พระองค์ทรงมีบุตรธิดาหลายพันล้านคน แต่ฉันรู้ว่าพระองค์ทรงรักเราแต่ละคนตามคุณสมบัติที่เราต่างก็มีไม่เหมือนกัน ฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งสำหรับบทเรียนที่ได้เรียนรู้ในคืนนั้น สำนึกคุณสำหรับสันติสุขและความสงบที่มาจากการรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์ พระองค์ทรงรักเราแต่ละคน และพระองค์ทรงต้องการช่วยเหลือบุตรธิดาของพระองค์ ฉันรักพระองค์สุดหัวใจ

จริงๆ แล้วฉันคือใคร

โดย มิเชลล์ เอ็ม.

เมื่อฉันอายุ 17 ปี ฉันไปร่วมกิจกรรมมากมายหลายอย่างของศาสนจักรรวมถึงการประชุมของศาสนจักรสองสามครั้ง แต่ฉันไม่ได้เป็นสมาชิกศาสนจักร

บ่ายวันอาทิตย์วันหนึ่งขณะที่ฉันกับคุณแม่อยู่ที่บ้าน ฉันคิดว่าฉันทำให้ท่านผิดหวังและรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ คาเรนเพื่อนของฉันโทรศัพท์มาหาเพื่อถามว่าฉันอยากไปการประชุมไฟร์ไซด์กับเธอหรือไม่ ฉันตอบตกลง ฉันจำได้ว่าเมื่อผู้พูดมาที่แท่นพูด เขาเริ่มโดยการกล่าวว่า “ผมเป็นใคร”

ฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งสำหรับบทเรียนที่ได้เรียนรู้ในคืนนั้น สำนึกคุณสำหรับสันติสุขและความสงบที่มาจากการรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์ พระองค์ทรงรักเราแต่ละคน และพระองค์ทรงต้องการช่วยเหลือบุตรธิดาของพระองค์

ฉันนึกในใจว่า “ฉันเป็นคนที่แย่มาก เป็นคนที่คุณแม่โกรธ” ผู้พูดกล่าวต่อไปว่า “ผมเป็นลูกชาย ผมเป็นคุณพ่อและผมเป็นคุณอา” จากนั้นเขาหยุดพูด เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง และเขาก็พูดว่า “ผมเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า”

เขามองมาที่ฉันและพูดว่า “คุณคือลูกของพระผู้เป็นเจ้า” จากนั้นเขามองไปที่คนอื่นและพูดอีกครั้งว่า “คุณคือลูกของพระผู้เป็นเจ้า”

ฉันยังไม่คุ้นเคยกับพระวิญญาณและความรู้สึกถึงพระองค์ แต่ฉันรู้สึกจุกที่ลำคอและเริ่มร้องไห้ ฉันรู้สึกอายเล็กน้อยและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงตัดสินใจลุกออกมา ฉันโทรศัพท์หาพี่สาวกับสามีของเธอที่เป็นสมาชิกศาสนจักร ฉันถามพวกเขาว่าฉันจะคุยกับผู้สอนศาสนาในคืนนั้นได้หรือไม่ เราพบกับพวกเขาและฉันรับบัพติศมาในอีกสามสัปดาห์ต่อมา พระวิญญาณทรงเป็นพยานอย่างแท้จริงแก่ฉันในคืนนั้นว่าฉันคือลูกของพระผู้เป็นเจ้า

หมายเหตุแนวทางการเขียน:เมื่อรายงานเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย โปรดใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรในการอ้างถึงครั้งแรก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชื่อของศาสนจักร ไปที่ออนไลน์แนวทางการเขียน.